แนวข้อสอบ
กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ. 2556
**********************
1. กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ. 2556 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ก. 3 มิถุนายน 2556 ค. 5 มิถุนายน 2556
ข. 4 มิถุนายน 2556 ง. 6 มิถุนายน 2556
ตอบ ค. 5 มิถุนายน 2556
2. กฎ ก.ตร. นี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันใด
ก. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 30 วัน
ค. หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน
ง. หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 180 วัน
ตอบ ก. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
3. กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ. 2556 มีกี่หมวด
ก. 6 หมวด 1 บาเฉพาะกาล ค. 9 หมวด 1 บาเฉพาะกาล
ข. 8 หมวด 1 บาเฉพาะกาล ง. 7 หมวด 1 บาเฉพาะกาล
ตอบ ค. 9 หมวด 1 บาเฉพาะกาล
หมวด ๑ บททั่วไป
หมวด ๒ การแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวน
หมวด ๓ หน้าที่คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวน
หมวด ๔ วิธีการสืบสวน
หมวด ๕ การทำรายงานสืบสวน
หมวด ๖ สิทธิและหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหา
หมวด ๗ การพิจารณาสั่งสำนวนการสืบสวน
หมวด ๘ การสืบสวนที่มิชอบและบกพร่อง
หมวด ๙ การนับระยะเวลา
4. กรณีที่ควรทำการสืบสวนข้อเท็จจริง
ก. ผู้บังคับบัญชามีเหตุอันควรสงสัยว่าข้าราชการตำรวจในบังคับบัญชาผู้ใดกระทำผิดวินัย
ข. ส่วนราชการอื่นหรือหน่วยงานอื่นแจ้งมาให้ทราบว่าข้าราชการตำรวจในบังคับบัญชาผู้ใดกระทำผิดวินัยหรือสงสัยว่ากระทำผิดวินัย
ค. มีผู้ร้องเรียนกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจในบังคับบัญชาผู้ใดกระทำผิดวินัยโดยผู้ร้องเรียนนั้นได้แจ้งชื่อและที่อยู่ของตนเองเป็นที่แน่นอน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
ข้อ ๕ ภายใต้บังคับข้อ ๓ กรณีที่ควรทำการสืบสวนข้อเท็จจริง ได้แก่
(๑) ผู้บังคับบัญชามีเหตุอันควรสงสัยว่าข้าราชการตำรวจในบังคับบัญชาผู้ใดกระทำผิดวินัย
(๒) มีผู้ร้องเรียนกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจในบังคับบัญชาผู้ใดกระทำผิดวินัยโดยผู้ร้องเรียนนั้นได้แจ้งชื่อและที่อยู่ของตนเองเป็นที่แน่นอน พร้อมทั้งระบุพฤติการณ์แห่งกรณีที่กล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจกระทำผิดวินัยนั้น
(๓) ส่วนราชการอื่นหรือหน่วยงานอื่นแจ้งมาให้ทราบว่าข้าราชการตำรวจในบังคับบัญชาผู้ใดกระทำผิดวินัยหรือสงสัยว่ากระทำผิดวินัย
(๔) มีบัตรสนเท่ห์กล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจในบังคับบัญชาผู้ใดกระทำผิดวินัย ตามปกติการร้องเรียนกล่าวหาข้าราชการตำรวจว่ากระทำผิดวินัยในลักษณะเป็นบัตรสนเท่ห์ห้ามมิให้รับฟัง เว้นแต่บัตรสนเท่ห์นั้นระบุข้อเท็จจริง พยานหลักฐานกรณีแวดล้อม และหรือระบุพยานบุคคล พยานวัตถุ หรือพยานเอกสารชี้แนะแนวทางเพียงพอที่จะดำเนินการสืบสวนได้
(๕) กรณีปรากฏเป็นข่าวในสื่อสารมวลชนใด ๆ ว่าข้าราชการตำรวจในบังคับบัญชาผู้ใดกระทำผิดวินัยตามปกติหากไม่มีชื่อและที่อยู่ของผู้ร้องเรียนกล่าวหาห้ามมิให้รับฟัง เว้นแต่ข่าวในสื่อมวลชนนั้นระบุข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน กรณีแวดล้อม และหรือระบุพยานบุคคล พยานวัตถุ หรือพยานเอกสารชี้แนะแนวทางเพียงพอที่จะดำเนินการสืบสวนได้
(๖) กรณีอื่น ๆ ที่ผู้บังคับบัญชาเห็นควรให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริง
5. ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนจะต้องไม่เป็นบุคคลใด
ก. มีส่วนได้เสียในเรื่องที่สืบสวน
ข. รู้เห็นเหตุการณ์ในเรื่องที่สืบสวน
ค. มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ถูกสืบสวน
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
ข้อ ๙ ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนยกเว้นนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวน จะต้องไม่เป็นบุคคลดังต่อไปนี้
(๑) รู้เห็นเหตุการณ์ในเรื่องที่สืบสวน
(๒) มีส่วนได้เสียในเรื่องที่สืบสวน
(๓) มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ถูกสืบสวน
(๔) เป็นผู้ร้องเรียนกล่าวหาหรือเป็นคู่สมรส บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือพี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมบิดาหรือมารดากับผู้ร้องเรียนกล่าวหา
(๕) มีเหตุอย่างอื่นซึ่งน่าเชื่ออย่างยิ่งว่าจะทำให้การสืบสวนเสียความเป็นธรรม
6. ในกรณีแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวน ให้มีคณะกรรมการซึ่งเป็นข้าราชการประจำอย่างน้อยกี่คน
ก. 5 คน ค. 6 คน
ข. 3 คน ง. 4 คน
ตอบ ข.
ในกรณีแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวน ให้มีคณะกรรมการซึ่งเป็นข้าราชการประจำอย่างน้อยสามคนประกอบด้วยข้าราชการตำรวจอย่างน้อยกึ่งหนึ่ง โดยให้มีเลขานุการหนึ่งคน เลขานุการอาจจะแต่งตั้งจากกรรมการสืบสวนคนใดคนหนึ่งก็ได้ ในกรณีจำเป็นจะให้มีผู้ช่วยเลขานุการก็ได้
7. ข้อใด ไม่ใช่ หน้าที่คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวน
ก. สืบสวนตามหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาที่กำหนดในกฎ ก.ตร. นี้ เพื่อแสวงหาความจริงในเรื่องที่กล่าวหาและดูแลให้บังเกิดความยุติธรรมตลอดการสืบสวน
ข. จัดทำบันทึกการปฏิบัติงานที่มีการสืบสวนไว้ทุกครั้ง
ค. รวบรวมประวัติของผู้ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กล่าวหาเท่าที่จำเป็นเพื่อประกอบการพิจารณา
ง. เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนทุกข้อ
ตอบ ง. เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนทุกข้อ
ข้อ ๑๔ คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนมีหน้าที่
(๑) สืบสวนตามหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาที่กำหนดในกฎ ก.ตร. นี้ เพื่อแสวงหาความจริงในเรื่องที่กล่าวหาและดูแลให้บังเกิดความยุติธรรมตลอดการสืบสวน
(๒) รวบรวมประวัติของผู้ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กล่าวหาเท่าที่จำเป็นเพื่อประกอบการพิจารณา
(๓) จัดทำบันทึกการปฏิบัติงานที่มีการสืบสวนไว้ทุกครั้ง
(๔) ห้ามมิให้บุคคลอื่นเข้าร่วมทำการสืบสวน
8. การสืบสวนข้อเท็จจริงต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุดแต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินกี่วัน
ก. 30 วัน ค. 60 วัน
ข. 45 วัน ง. 90 วัน
ตอบ ค. 60 วัน
ข้อ ๑๗ การสืบสวนข้อเท็จจริง คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนต้องดำ เนินการตามกำหนดเวลาดังนี้
(๑) สืบสวนให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุดแต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ประธานกรรมการหรือผู้สืบสวนได้รับทราบคำสั่ง หากครบกำหนดหกสิบวันแล้วยังไม่แล้วเสร็จให้ขออนุมัติขยายระยะเวลาต่อผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวน ให้ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนพิจารณาอนุมัติได้ตามความจำเป็น แต่ทั้งนี้ห้ามมิให้ขยายระยะเวลาสืบสวนต่อไปอีกเกินหกสิบวัน หากมีการขยายระยะเวลาแล้วการสืบสวนไม่แล้วเสร็จภายในหกสิบวันให้ประธานกรรมการหรือผู้สืบสวนรายงานเหตุให้ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนทราบและให้เป็นหน้าที่ของผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนติดตามเร่งรัดการสืบสวนต่อไป
9. การนำเอกสารหรือวัตถุมาใช้เป็นพยานหลักฐานในสำนวนการสืบสวนต้องบันทึกสิ่งใดบ้าง
ก. บันทึกว่าได้มาอย่างไร ค. บันทึกว่าได้มาเมื่อใด
ข. บันทึกว่าได้มาจากผู้ใด ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
ข้อ ๑๘ การนำเอกสารหรือวัตถุมาใช้เป็นพยานหลักฐานในสำนวนการสืบสวนให้บันทึกไว้ด้วยว่าได้มาอย่างไร จากผู้ใด และเมื่อใด
10. การสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาและพยานของคณะกรรมการสืบสวนต้องมีกรรมการสืบสวนไม่น้อยกว่ากี่คนจึงจะสืบสวนได้
ก. 1 คน ค. 3 คน
ข. 2 คน ง. 4 คน
ตอบ ข. 2 คน
ข้อ ๒๐ การสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาและพยานของคณะกรรมการสืบสวนต้องมีกรรมการ
สืบสวนไม่น้อยกว่าสองคนจึงจะสืบสวนได้
11. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก. ห้ามมิให้คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนทำการล่อลวง ขู่เข็ญ ให้สัญญาหรือกระทำการใดเพื่อจูงใจให้บุคคลนั้นให้ถ้อยคำอย่างใด ๆ
ข. ก่อนเริ่มสอบปากคำพยานต้องแจ้งให้พยานทราบว่ากรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาการให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จอาจเป็นความผิดตามกฎหมาย
ค. ในการสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาและพยาน ให้คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนเรียกผู้ซึ่งจะถูกสอบปากคำมาในที่สืบสวนคราวละกี่คนก็ได้
ง. การสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาและพยานของคณะกรรมการสืบสวนต้องมีกรรมการสืบสวนไม่น้อยกว่า 2 คนจึงจะสืบสวนได้
ตอบ ค. ในการสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาและพยาน ให้คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนเรียกผู้ซึ่งจะถูกสอบปากคำมาในที่สืบสวนคราวละกี่คนก็ได้
ข้อ ๒๓ ในการสอบปากคำผู้ถูกกล่าวหาและพยาน ให้คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนเรียกผู้ซึ่งจะถูกสอบปากคำมาในที่สืบสวนคราวละหนึ่งคน ห้ามมิให้บุคคลอื่นอยู่ในที่สืบสวนเว้นแต่ทนายความหรือที่ปรึกษาของผู้ถูกกล่าวหาหรือบุคคลซึ่งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนอนุญาตให้อยู่ในที่สืบสวนเพื่อประโยชน์แห่งการสืบสวน
12. ข้อใดกล่าวถูกต้องถ้าจะต้องแก้ไขข้อความที่ได้บันทึกไว้แล้วในการบันทึกถ้อยคำ
ก. ขูดข้อความ
ข. ลบข้อความ
ค. บันทึกข้อความทับ
ง. ขีดฆ่าหรือตกเติมและลงลายมือชื่อกำกับไว้ทุกแห่งที่ขีดฆ่าหรือตกเติม
ตอบ ง. ขีดฆ่าหรือตกเติมและลงลายมือชื่อกำกับไว้ทุกแห่งที่ขีดฆ่าหรือตกเติม
ในการบันทึกถ้อยคำ ห้ามมิให้ขูดลบหรือบันทึกข้อความทับ ถ้าจะต้องแก้ไขข้อความที่ได้บันทึกไว้แล้วให้ใช้วิธีขีดฆ่าหรือตกเติมและให้กรรมการสืบสวนผู้ร่วมสืบสวนอย่างน้อยหนึ่งคนหรือผู้สืบสวนกับผู้ให้ถ้อยคำลงลายมือชื่อกำกับไว้ทุกแห่งที่ขีดฆ่าหรือตกเติม
13. กรณีใดที่ไม่ต้องสืบสวนต่อไปก็ได้
ก. กรณีที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดหรือต้องรับผิดในคดีที่เกี่ยวกับเรื่องที่สืบสวน
ข. กรณีที่การสืบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่นว่ามีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำในเรื่องที่ทำการสืบสวน
ค. กรณีที่คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนเห็นเป็นที่สงสัยว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือคำสั่งให้สืบสวน
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ก. กรณีที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดหรือต้องรับผิดในคดีที่เกี่ยวกับเรื่องที่สืบสวน
ข้อ ๒๙ ในกรณีที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดหรือต้องรับผิดในคดีที่เกี่ยวกับเรื่องที่สืบสวน ถ้าคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามคำพิพากษาได้ความประจักษ์ชัดอยู่แล้วให้ถือเอาคำพิพากษานั้นเป็นพยานหลักฐานโดยไม่ต้องสืบสวนต่อไปก็ได้ แต่ต้องแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบและแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาตามที่ปรากฏในคำพิพากษาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ ทั้งนี้ ให้นำข้อ ๑๙ วรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่ วรรคห้า วรรคหกและวรรคเจ็ด มาใช้บังคับโดยอนุโลม
14. เมื่อคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เสร็จแล้วคณะกรรมการสืบสวนต้องประชุมพิจารณาลงมติหรือผู้สืบสวนพิจารณา อย่างไร
ก. การสืบสวนมีมูลอันเป็นการกระทำความผิดอาญาหรือมีกรณีต้องรับผิดชอบทางแพ่งอยู่ด้วยหรือไม่
ข. กรณีมีมูลกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง เป็นความผิดกรณีใด ตามมาตราใด และควรได้รับโทษสถานใด
ค. กรณีมีมูลกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือไม่ ถ้ามีมูลกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
ข้อ ๓๑ เมื่อคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เสร็จแล้วให้คณะกรรมการสืบสวนประชุมพิจารณาลงมติหรือผู้สืบสวนพิจารณา ดังนี้
(๑) กรณีมีมูลกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงหรือไม่ ถ้ามีมูลกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้เสนอแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง
(๒) กรณีมีมูลกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรง เป็นความผิดกรณีใด ตามมาตราใด และควรได้รับโทษสถานใด
(๓) การสืบสวนมีมูลอันเป็นการกระทำความผิดอาญาหรือมีกรณีต้องรับผิดชอบทางแพ่งอยู่ด้วยหรือไม่
15. รายงานการสืบสวนอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญใด
ก. วินิจฉัยเปรียบเทียบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหากับพยานหลักฐานที่หักล้างข้อกล่าวหา
ข. สรุปข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่ามีอย่างไรบ้าง
ค. ความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหามีมูลความผิดวินัยหรือไม่
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
รายงานการสืบสวนอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญ ดังนี้
(๑) สรุปข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่ามีอย่างไรบ้าง ในกรณีที่ไม่ได้สืบสวนพยานหลักฐานตามข้อ ๒๔ และข้อ ๒๕ ให้รายงานเหตุที่ไม่ได้สืบสวนนั้นให้ปรากฏไว้ ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคำรับสารภาพให้บันทึกเหตุผลในการรับสารภาพ (ถ้ามี) ไว้ด้วย
(๒) วินิจฉัยเปรียบเทียบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหากับพยานหลักฐานที่หักล้างข้อกล่าวหา
(๓) ความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหามีมูลความผิดวินัยหรือไม่ ถ้ามีมูลกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงให้เสนอความเห็นให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ถ้ามีมูลกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงเป็นความผิดกรณีใด ตามมาตราใดและควรได้รับโทษสถานใด ถ้าการสืบสวนเรื่องนั้นมีมูลอันเป็นการกระทำความผิดอาญาหรือมีกรณีต้องรับผิดชอบทางแพ่งอยู่ด้วยก็ให้เสนอความเห็นมาในคราวเดียวกัน
16. ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิคัดค้านผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนและกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวน ถูกกล่าวไว้ในหมวดใด
ก. หมวด 5 ข้อ 31 ค. หมวด 6 ข้อ 32
ข. หมวด 5 ข้อ 33 ง. หมวด 6 ข้อ 33
ตอบ ง. หมวด 6 ข้อ 33
ข้อ ๓๓ ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิคัดค้านผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวน
และกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวน ถ้าผู้นั้นมีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งตามข้อ ๙
17. การคัดค้านให้ทำ
ก. หนังสือ ค. หนังสือหรือวาจาก็ได้
ข. วาจา ง. วิธีอื่นก็ได้
ตอบ ก. หนังสือ
การคัดค้านให้ทำเป็นหนังสือแสดงข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุแห่งการคัดค้านไว้ในหนังสือคัดค้านด้วยว่าจะทำให้การสืบสวนไม่ได้ความจริงและความยุติธรรมอย่างไร การคัดค้านผู้สั่งแต่งตั้คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนให้ยื่นต่อผู้บังคับบัญชาเหนือผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนขึ้นไปชั้นหนึ่ง การคัดค้านกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนให้ยื่นต่อผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนภายในเจ็ดวันนับแต่วันรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือคำสั่งให้สืบสวนหรือทราบเหตุแห่งการคัดค้าน ในการนี้ให้ผู้ที่รับหนังสือคัดค้านส่งสำเนาหนังสือคัดค้านและแจ้งวันที่ได้รับหนังสือคัดค้านให้ประธานกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนทราบและรวมไว้ในสำนวนการสืบสวนด้วย
18. การคัดค้านกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนให้ยื่นต่อผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนภายในกี่วัน
ก. 3 วัน ค. 10 วัน
ข. 7 วัน ง. 14 วัน
ตอบ ข. 7 วัน
19. การพิจารณาการคัดค้าน ผู้ที่ได้รับหนังสือคัดค้านอาจตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ตามความเหมาะสมและให้พิจารณาสั่งการโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ ไม่เกินกี่วัน
ก. 15 วัน ค. 60 วัน
ข. 30 วัน ง. 90 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
การพิจารณาการคัดค้าน ผู้ที่ได้รับหนังสือคัดค้านอาจตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ตามความเหมาะสมและให้พิจารณาสั่งการโดยไม่ชักช้า ทั้งนี้ ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือคัดค้าน หากเห็นว่าการคัดค้านมีเหตุผลรับฟังได้ กรณีคัดค้านผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวน ให้สั่งให้ผู้นั้นพ้นจากผู้มีอำนาจพิจารณาตามข้อ ๓๖ และสั่งให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหาที่มีอำนาจในการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือสั่งให้สืบสวนเป็นผู้พิจารณาแทนหรือจะเป็นผู้พิจารณาเองก็ได้ กรณีคัดค้านกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนให้สั่งให้ผู้ถูกคัดค้านพ้นจากการเป็นกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวน ถ้าเห็นว่าการคัดค้านไม่มีเหตุผลที่จะรับฟังได้ให้สั่งยกคำคัดค้านนั้น การสั่งยกคำคัดค้านให้เป็นที่สุดในการพิจารณาการคัดค้านให้แสดงเหตุผลในการพิจารณาสั่งการไว้ด้วยพร้อมทั้งแจ้งให้ผู้คัดค้านทราบแล้วส่งเรื่องให้คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนรวมไว้ในสำนวนการสืบสวน
20. เมื่อผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนได้รับความเห็นและผลการสืบสวนข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนแล้ว ให้พิจารณาดำเนินการอย่างไร
ก. ตรวจสอบความถูกต้องของสำนวนการสืบสวน
ข. สั่งยุติเรื่องถ้าเห็นว่าผลการสืบสวนไม่มีมูล
ค. ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปในกรณีที่เห็นว่ามีมูลเป็นการกระทำผิดอาญา
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
ข้อ ๓๖ เมื่อผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนได้รับความเห็นและผลการสืบสวนข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนแล้ว ให้พิจารณาดำเนินการ ดังนี้
(๑) ตรวจสอบความถูกต้องของสำนวนการสืบสวนตามข้อ ๓๗ ข้อ ๓๘ และข้อ ๓๙
(๒) สั่งให้คณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สืบสวนดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติมได้ หากปรากฏว่าการสืบสวนเรื่องนั้น ๆ ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เพียงพอที่จะพิจารณาสั่งการได้
(๓) สั่งยุติเรื่องถ้าเห็นว่าผลการสืบสวนไม่มีมูล
(๔) สั่งลงโทษไปภายในอำนาจ ในกรณีที่พยานหลักฐานรับฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงและผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนหรือผู้สั่งให้สืบสวนเป็นผู้บังคับบัญชาผู้ถูกกล่าวหาที่มีอำนาจสั่งลงโทษตามมาตรา ๘๙ แต่ถ้าเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาควรได้รับโทษเกินอำนาจที่จะสั่งลงโทษได้ให้รายงานต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปเพื่อพิจารณาสั่งการตามควรแก่กรณี
(๕) ดำเนินการไปภายในอำนาจหรือมีความเห็นเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้มีอำนาจเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปในกรณีมีมูลอันเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง
(๖) ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปในกรณีที่เห็นว่ามีมูลเป็นการกระทำผิดอาญา